QUOTE 

5 คำถามที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ

แล็ค

เมื่อคุณคิดจะซื้อของสักชิ้น ย่อมต้องใช้เวลาในการพิจารณาก่อนตัดสินใจ หากของชิ้นนั้นเป็นของจำเป็น ราคาไม่สูง หรือเป็นยี่ห้อที่คุณคุ้นเคย ก็อาจจะหยิบลงตะกร้าได้โดยไม่คิดอะไรมาก แต่หากของชิ้นนั้นราคาแพง แถมไม่ได้จำเป็นกับชีวิตสักเท่าไร คุณคงต้องคิดกลับไปกลับมาหลายตลบ ว่าจะคุ้มค่าไหมถ้าจะจ่ายเพื่อสนอง “ความอยาก” นั้น วันนี้เราจะพาคุณมาชอปปิ้งอย่างมีสติ เซฟสตางค์ ด้วย 5 คำถามง่ายๆ ควบคุมการใช้จ่าย ที่ควรถามตัวเองให้ดีก่อนตัดสินใจควักกระเป๋า

5 คำถามง่ายๆ ควบคุมการใช้จ่าย ก่อนควักกระเป๋าเพื่อช้อปปิ้ง

1. “ถ้าไม่มีป้าย Sale ฉันจะยังอยากได้ไหม?”

ป้าย Sale กับนักชอปเป็นของที่อยู่คู่กันมาช้านาน แต่ก่อนจะจ่าย ลองถามตัวเองดูสักนิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะของชิ้นนั้นลดราคา คุณจะยังอยากได้มันไหม เช่น กระเป๋าสะพายที่ติดป้าย Sale จากราคา 1,000 บาท เหลือ 800 บาท ลองตอบตัวเองดูว่าถ้ากระเป๋าใบนั้นขายราคา 800 ตั้งแต่แรก จะนับว่าราคาคุ้มค่าไหม คุณจะยังอยากซื้อรึเปล่า

2. “ถ้าตัดป้ายยี่ห้อออก ฉันจะยังยอมจ่ายราคานี้รึเปล่า?”

หลายครั้งที่เราเผลอซื้อของราคาสูงลิบเกินตัว เพียงเพราะเห็นแก่ชื่อยี่ห้อ ทั้งที่ประโยชน์ใช้สอย ไม่คุ้มค่าคุ้มราคาเลย แต่เราก็ยังปลอบใจตัวเองว่าสมเหตุสมผลเพราะเป็นของแบรนด์เนม พฤติกรรมแบบนี้ค่อนข้างน่าห่วง สุ่มเสี่ยงสภาพการเงินในระยะยาวอย่างยิ่ง ก่อนซื้อลองหยุดถามตัวเองก่อน ว่าคุณอยากได้ของชิ้นนั้นจริง ๆ หรือแค่อยากได้โลโก้ของมันมาประดับตัวกันแน่

3. “ฉันจะได้ใช้มันจริง ๆ รึเปล่า?”

บางครั้งเราซื้อของไม่จำเป็นมากองไว้ที่บ้าน โดยคิดเอาเองว่า “ซื้อ ๆ ไปก่อน เดี๋ยวก็ได้ใช้” แล้วก็ลงเอยโดยการที่ของชิ้นนั้นนอนตายอยู่มุมตู้โดยแทบไม่ได้แตะเลย เงินก็เท่ากับละลายน้ำไปเปล่า ฉะนั้นก่อนซื้อ ตอบตัวเองให้ดีก่อนว่าคุณจะมีโอกาสได้ใช้มันมากแค่ไหน จะเอาไปใช้ในโอกาสอะไรได้บ้าง แล้วนอกจากคุณคนอื่นจะใช้มันได้รึเปล่า

4. “ราคานี้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของฉันกันนะ?”

ถ้าคุณซื้อของเพียงเพราะความอยาก โดยลืมคิดไปว่ามันเหมาะสมกับรายได้ของตัวเองแค่ไหน พอถึงปลายเดือนก็อาจต้องเสียใจทีหลัง เพื่อป้องกันสภาวะถังแตก คุณควรคำนวณก่อนคร่าว ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ว่าราคาของสิ่งนั้นคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนหรือรายได้ของคุณ เช่น ถ้าคุณมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท คิดจะซื้อครีมทาผิวราคา 5,000 บาท คิดดูแล้วก็เท่ากับ 25% ของรายได้ หรือเท่ากับค่าแรง 1 สัปดาห์เต็ม ๆ รู้แบบนี้แล้วยังจะอยากได้อยู่รึเปล่า

5. “ถ้าฉันไม่ซื้อ เงินจำนวนนี้จะเอาไปใช้จ่ายสิ่งจำเป็นได้มากแค่ไหน?”

ก่อนควักเงินซื้อของฟุ่มเฟือย ลองหันกลับมาดูของที่จำเป็นกับชีวิตของคุณก่อน ว่าหากคุณเก็บเงินจำนวนนั้นเอาไว้ จะเอาไปจ่ายซื้อของจำเป็นได้มากน้อยแค่ไหน เช่นถ้าคุณคิดจะซื้อกางเกงยีนส์ตัวละ 3,000 บาท ลองคำนวณดูว่าเงิน 3,000 บาท หากนำไปจ่ายค่าบริการโทรศัพท์เดือนละ 299 บาท ก็สามารถจ่ายได้ถึง 10 เดือน จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลย แล้วแบบนี้จะยังอยากซื้ออยู่ไหม

เพียงท่อง 5 ข้อนี้ไว้ในใจ แล้วหาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ก่อนจะจ่ายเงิน คุณก็สามารถเป็นนักชอปรุ่นใหม่ที่ใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดได้ รู้ทันตัวเองไว้ ไม่ตกหลุมพรางนักการตลาดอย่างแน่นอน

แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

หมวดหมู่สินค้า

ช่างติดฉากกั้นห้องกรุงเทพและปริมณฑล [27]
ช่างติดฉากกั้นภาคเหนือ [0]
ช่างติดฉากกั้นห้องภาคกลาง [0]
ช่างติดฉากกั้นห้องภาคใต้ [0]
ช่างติดฉากกั้นห้องภาคอีสาน [0]
ร้านซักผ้าม่านภาคอีสาน [0]
ร้านซักผ้าม่านภาคเหนือ [0]
ร้านซักผ้าม่านภาคกลาง [0]
ร้านซักผ้าม่านกรุงเทพเขตปริมณฑล [0]
รับติดตั้งรางน้ำภาคอีสาน [0]

สมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม484,804 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด362,908 ครั้ง
เปิดร้าน3 ต.ค. 2559
ร้านค้าอัพเดท18 ต.ค. 2568

ติดต่อร้านค้า

0610347479
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านติดตั้งฉากกั้นแอร์ กั้นห้อง ต่อเติมบ้าน
ติดตั้งฉากกั้นแอร์ กั้นห้อง ต่อเติมบ้าน
รับออกแบบติดตั้งผ้าม่านทุกประเภท ม่านจีบ ม่านพับ ม่านตอกตาไก่ ม่านยก ม่านหลุยห์ ม่านปรับแสง มู่ลี่ ฉากกั้นห้อง วอลล์เปเปอร์ รับซักผ้าม่าน รับเย็บผ้าม่าน จำหน่ายรางโชว์ รางแวร์ไซน์ จำหน่ายอุปกรณ์
เบอร์โทร : 0610347479
อีเมล : dechobob@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม